Blog

ฉนวนกันความร้อนมีกี่ชนิด ใช้กันยังงัย

ฉนวนกันความร้อนมีกี่ชนิดราคาประมาณเท่าไหร่ ติดตั้งยังไง

ฉนวนกันความร้อนหลายๆ คนรู้จัก แต่ว่าเราอาจจะไม่รู้รายละเอียด แล้วก็ไม่รู้คุณสมบัติที่ชัดเจนมันมากนัก ว่ามันมีประโยชน์อะไ ขนาดไหน แล้วก็มีกี่ชนิด วันนี้ลุงจะมาอธิบายกัน

 ข้อแรกก่อนที่เราจะไปพูดถึงฉนวนทั้ง 4 ชนิด เราต้องทราบจุดที่ติดตั้งที่ดีที่สุดก่อนนะครับ สำหรับฉนวนกันความร้อน จุดที่ดีที่สุดคือใต้แผ่นหลังคาเลย เราเคยรู้ใช่ไหมครับมันจะมี 2 จุดที่เราจะมักจะติดกันก็คือใต้แผ่นหลังคา ไม่ว่าจะเป็นกระเบื้องโมเนียหรือจะเป็นเมทัลชีทคือแปะใต้หลังคาเลย หลังคาเอียงก็เอียงตามหลังคาอันนี้แบบที่ 1 

แบบที่ 2 ก็คือว่าเราเอามาปูบนฝ้าก็เป็นฉนวนมาวางบนฝ้าเลยง่ายๆ เลย แล้วอะไรดีกว่ากัน คำตอบคือ อันแรกนะครับถ้าทำได้นะครับ ปูใต้หลังคาเลย มันมีเหตุผลนะครับเพราะว่าฉนวนส่วนใหญ่จะมีฟอยล์หุ้มถูกไหมครับฟอยล์ตัวนี้จะทำหน้าที่สะท้อนความร้อนออกไปก่อน แล้วตัวตัวฉนวนที่อยู่ระหว่างฟอยล์เนี่ยจะเป็นหน้าที่กักเก็บความร้อนไม่ให้ลงมาข้างล่างเพราะฉะนั้น ข้อดีที่สุดก็ คือ เอาไปแปะไว้ใต้หลังคา คือจากหลังคาแล้วสะท้อนออกไปเลย ไม่ผ่านมาช่องว่างใต้หลังคา (บนฝ้า) ก็เป็นการลดความร้อนที่ตรงจุดที่สุดและดีที่สุด

อ่าอันนี้ตอบคำถามแรกก่อนว่าจุดไหนดีที่สุดจุดใต้หลังคาครับ

ถ้าแปะอยู่ใต้หลังคาฉีดโฟมใต้หลังคาทำทุกอย่างใต้หลังคา คือไม่ให้เข้ามาในบ้านกันเลย พูดง่ายๆ ให้สะท้อนออกไปก่อนเลยอันนั้นดีสุดนะครับ แต่ถ้าบังเอิญบ้านบางหลังมันเป็นบ้านเก่ามันยุ่งยาก มันอะไรอย่างเงี้ย ก็ต้องมาเลือกใช้วิธีที่ 2 ก็คือว่าปูดื้อๆ เลยครับปูทับไปบนฝ้าเลยความร้อนที่แผ่ออกมาจากหลังคาผ่านอากาศห้องใต้หลังคามามาเจอฉนวนกันความร้อนตรงนี้ มันก็จะไม่สามารถผ่านต่อลงไปข้างล่างได้ แต่มันก็จะอยู่ในห้องใต้หลังคา (บนฝ้า) เราอาจจะต้องไปเพิ่มเติมเรื่องการระบายอากาศตรงใต้หลังคาก็จะช่วยได้ 

ข้อที่สำคัญ ก็คือว่ามันมีกี่ชนิด ถ้ารวมๆ มาแล้วมันมี 4 ชนิดตามที่เค้าแบ่งกันนะครับตัวแรก มาดูกัน คือไฟเบอร์กลาสอันนี้เราจะคุ้นชินมาตั้งแต่ยาวนานมาก ให้เรานึกถึงฉนวนใยแก้วที่มันเป็นใหญ่ๆ เหมือนฟองน้ำเหมือนฝอยขัดหม้อ จะมีฟอยล์ปิดบนล่างอันหนาๆ หน่อย มันจะทำหน้าที่สะท้อนความร้อนออกไปก่อนชั้นนึง

เสร็จแล้วถ้าความร้อนยังมีเหลืออยู่ตัวไฟเบอร์กลาสมันจะกัดเก็บใว้ เนื่องจากมันมีรูพรุนมันจะกักเก็บไว้ไม่ให้ส่งต่อออกมาแล้วก็มีฟอยล์ข้างล่างอีกอันนึง ก็คือกันความร้อนที่ถูกกักเก็บตรงนี้ก็ไม่ให้ลงมาต่อข้างล่างถ้ามันจะหายไปก็คือมันต้องย้อนกลับหาทางออกไปทางช่องหลังคาเหมือนเดิม แต่ตอนหลังๆเนี่ย ไม่นิยมใช้กันนะครับมันมีข้อเสีย คือว่าหนึ่งเวลามันติดไฟแล้วมันจะเป็นแก๊ส

อันที่ 2 เวลามันเสื่อมสภาพ มันจะเป็นละออง เวลาเข้าปอด จะเป็นอัตรายอย่างมาก หลังๆนี้ หลายประเทศไม่นิยมใช้แล้ว และนกชอบทำรังมากมันจะไปสร้างโพรงจิกไฟเบอร์กลาส นกหนูอะไรเนี่ยจะชอบครับ อันนี้ก็จะเป็นแบบแรก ส่วนราคาของตัวนี้แผ่นก็ประมาณตารางเมตรละ 200 กว่าบาทถึง 250 

อันที่ 2  polyurethan หรือ pu fo ยึดติดอยู่ใต้หลังคา ตัวนี้ดี ไม่ยอมให้ความร้อนแผร่ลงมาถึงช่องใต้หลังคา หากมีความร้อนเกิดขึ้นก็ ปล่อยออกไปก่อนเลย ตัวนี้เขาก็จะฉีดมาเลยเสร็จแล้วก็จะมีฟอยล์ปิดข้างล่างให้อีกทีนึงแต่มาเป็นแพ็คเลยกับตัวหลังคา 

ถ้าสมมุติว่าเป็นโรงงานหรือมีหลังคาเก่าเนี่ยโฟม ตัวนี้มันสามารถฉีดได้ที่หลังด้วยนะครับ แต่ว่ามันจะไม่เรียบสวย จะขรุขระ แต่มันจะทำงาน ตามหน้าที่ของมันได้ด้วยดีเลย หลายคนก็ใช้วิธีนี้นะครับสำหรับโรงงาน ก็คือเรียกบริษัทมาฉีดโฟม เป็นตัวฉนวนกันความร้อน แบบนึงอายุการใช้งานค่อนข้างทน แต่ก็มีมีข้อเสียอย่างแบบเดียวกับตัวไฟเบอร์กลาส มันไม่ลามไฟ แต่มันติดไฟ ถ้าเอาไฟไปเผามันเลยเนี่ยมันติดแต่มันจะไม่ลามไปออก มันก็จะอยู่ตรงจุดนั้น ส่วนราคาตัวนี้จะแพงกว่าตัวไฟเบอร์กลาสนะครับ จะขายกันเป็นตารางเมตร ส่วนใหญ่พวกเพราะราคากำลังดีคุณภาพใช้ได้ พอสมควรนะครับเวลาช่าง ออกแบบโรงงานเนี่ยตัวนี้จะถูกสเปกลงไปเป็นหลักครับ หากใช้ไฟเบอร์กลาสมันย้วยก็ต้องขึงเหล็กไวเมท อะไรอย่างนี้ หิ้วมันมัน ไม่เหมือนตัว pu ที่ฉีดเข้าไป แต่อันนั้นแพงกว่า 2 เท่านะอย่าลืม แล้วก็วิธีการทำงานก็ยุ่งยากกว่าตัวนี้จะทำงานง่ายกว่า

ตัวที่ 4 ตัวนี้ลุงช่างก็ไม่เคยใช้แล้วก็ไม่เคยไม่เคยเจอจริงๆ จังๆ เพราะว่าน่าจะใช้น้อยแต่ว่าก็เป็นฉนวนกันความร้อน ชนิดหนึ่งที่เขาผลิตขึ้นมา คือฉนวนเยื่อกระดาษแล้วก็มีส่วนผสมของสารเคมี ที่ไม่ก่อให้เกิดการลามไฟ ตัดเยื่อไม้กับกระดาษแล้วก็ผสมสารเคมี ก็ทำหน้าที่คุณสมบัติเป็นฉนวนแค่นั้นเอง ตัวนี้ของเราคงไม่ค่อยได้เจอแล้วก็ลุงช่างก็ยังไม่เคยเห็นในในสายงานที่ทำมาก็ยังไม่มีใครเอาตัวนี้มาใช้นะครับเนื่องจากน่าจะไม่สะดวกและอีกอย่างก็แพงราคาเท่ากับ pu Foam เลย 400 บาท ก็น่าจะไปใช้ pu Foam แล้วก็จบก็เป็นชนิดที่ 4 รู้ไว้ใช่ว่า

อ่ะทีนี้ถ้าเกิดเวลาเราไปเลือกผลิตภัณฑ์พวกนี้เวลาเขาโฆษณามันจะมีค่า 2 ตัวเลขอยู่ 2 ตัวเขาเรียกค่า R กับค่า K จำไว้ว่า ค่า R ต้องสูง ค่า K ต้องต่ำ 

R คืออะไรครับ R เนี่ยมาจาก resistinity หรือค่าความต้านทานความร้อนเมื่อมันบอกว่าค่าต้านทานความร้อนตัวเลขสูงดีกว่าตัวเลขต่ำจำไว้เลย ซัก 5 R ตัวเลขสูงดีกว่าเลขต่ำ อีกตัวนึงคือค่า K คือ conductivity คือค่าการนำความร้อน ชื่อเค้าบอกแล้วไม่อยากให้นำความร้อนเพราะฉะนั้นค่า K ให้ต่ำใว้ก่อน เวลาไปดูจำง่ายๆ ถ้าเขามีค่า K  และผลิตภัณฑ์ 2 อย่างมาเทียบกัน ค่า R ต้องสูง ค่า K ต้องต่ำเอาตัวเนี้ยเทียบกันง่ายๆ ไม่ต้องไปรู้ว่าค่าเท่าไหร่มันคืออะไร รู้แค่ว่าถ้ามีของ 2 ตัวราคาเท่ากัน แล้วเซลล์มาเสนอเราก็มาดูตรงนี้เลยค่า R ค่า K โอเคไหมครับนี่ก็เป็นเรื่องของราวของฉนวนกันความร้อนนะครับเราลงดีเทลกัน ละตอนนี้หลังจากลุงช่างปูพรมจากกว้างๆ ภาพใหญ่ เราก็เริ่มเจาะลงไปที่วัสดุแต่ละชนิดบางอย่างเนี่ยอาจจะไม่ใช่ช่วงที่เราใช้ หรือเราอาจจะไม่มีความจำเป็นต้องรู้ แต่ว่าก็ฟังไว้แบบให้มันติดติดไว้นิดนึงวันหลังก็จะใช้เนี่ยเคยได้ยินเรื่องนี้ มาแล้วค่อยกลับมาเปิดดูซ้ำ มันอาจไม่ได้ใช้วันนี้ แต่ไอ้ความรู้เนี่ยมีความจำเป็นเสมอครับ

Leave a comment